สายสุทธานภดล (Sunandha Vintage)
เรื่องสั้นแนวดราม่า ปนโรแมนซ์ ผสมสืบสวน แอบแฟนตาซี แฝงสยองขวัญ คละเคล้าด้วยความจริงจากหน้าประวัติศาสตร์ มหาลัยราชภัฏสวนสุนันทา: สถานที่เกิดเรื่องราว + กลิ่นอายย้อนยุคหน่อยๆ / แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
ผู้เข้าชมรวม
602
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
แอดมิดชั่นส์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัย ราชภัฏสวนสุนันทา คหกรรมศาสตร์ ครุศาสตร์ วังสวนสุนันทา น้ำพริกลงเรือ พระวิมาดาเธอ ประวัติศาสตร์ ความรัก เว็บไซต์ ตำราอาหาร ชาววัง พิพิธภัณฑ์ .....
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สายสุทธานภดล
(Sunandha Vintage)
แนท เด็กสาวม.6 ร่างท้วม ผมเปีย ผู้เลือกแอดมิดชั่นส์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มาฟังผลสอบสัมภาษณ์ที่มหาลัย และผลก็เป็นไปตามคาด เธอสอบติด ทว่าขณะนั้นมีลมจากที่ไหนไม่รู้พัดมา พร้อมกับเสียงร้องดังแว่วจับใจความไม่ถนัด เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่าง ในขณะที่เดินออกมาก็ก็บังเอิญเดินสวนกับ ปอง เด็กหนุ่มผิวคล้ำ มีหนวดที่มาฟังผลเหมือนกันโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว ปองเองสอบติดคณะครุศาสตร์ตามที่ตั้งใจไว้
วันรับน้องของมหาลัย ปองเห็นแนทก็รู้สึกถูกชะตาทันที เขามีความรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน ขณะกิจกรรมรับน้องดำเนินไป แนทเกิดหน้ามืดเป็นลม ปองที่อยู่ใกล้คว้าตัวรับทัน นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งสองรู้จักกัน
ปองจะมีนิสัยที่ไม่เชื่ออะไรใครง่ายๆ นอกจากจะได้เห็นกับตาตัวเอง เรื่องผีนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เขาเชื่อว่าผีไม่มีในโลก และเขาเองก็ไม่เคยเจอ แถมยังกล้าท้าให้มาหลอกบ่อย ๆ ด้วย เห็นได้จากการจับกลุ่มคุยกับเพื่อนตอนว่าง ๆ ช่วงวันรับน้อง
คืนหนึ่ง ปองไปลองดีกับเพื่อนที่ตึกภาควิชาคหกรรม เพราะได้ยินเรื่องเล่าจากรุ่นพี่มาว่าผีที่ตึกนี้เฮี้ยนสุดๆ ปรากฏว่าขณะเดินไปยังโซนห้องครัว เพื่อนผู้เป็นตากล้องถ่ายภาพเงาลางๆอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องนั้นติด เลยตกใจกลัวโยนกล้องทิ้ง รีบวิ่งหนีไปโดยเร็ว โชคดีที่ปองรับทัน
รุ่งขึ้นเมื่อเอาเทปนั้นมาเปิดดู เพื่อนทุกคนในแก๊งค์ (ยกเว้นตากลองที่จับไข้หัวโกร๋นไม่ได้มาเรียน) เห็นเหมือนกันว่าเป็นเงาหญิงสาวร่างท้วมเกล้าจุกในชุดไทยโบราณกำลังยืนทำอาหารอยู่ ปองรู้สึกคุ้น ๆ หน้าหญิงสาวคนนั้น แต่บอกไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ตัดมาที่แนท เธอกำลังเดินมาที่ห้องครัว (ห้องเครื่อง) หลังจากที่มีหญิงสาววัยกลางคน (พระวิมาดาเธอฯ) สั่งให้จัดเตรียมอาหารสำหรับไปทานบนเรือ เธอมองรอบห้องด้วยเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้ดูแปลกตา มีอุปกรณ์ภาชนะโบราณ และอาหารหลายอย่างที่ไม่รู้จักเต็มไปหมด เมื่อเห็นปลาดุกทอดฟู และน้ำพริกตำทิ้งไว้ เธอจึงเอาส่วนประกอบนั้นมาปรุงอาหารและนำออกไป หญิงสาววัยกลางคนถามว่าอาหารชนิดนี้เรียกว่าอะไร แนทตอบไปว่า ‘น้ำพริกลงเรือ’ เมื่อได้ชิม พระวิมาดาเธอฯก็ถูกใจในรสชาติจึงสั่งให้หัวหน้าห้องเครื่องนำไปจดสูตรลงบันทึก และนำไปเก็บที่ห้องตำราอาหารใต้ดิน ... แล้วแนทสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเพื่อนสะกิดเรียก เมื่อครูเรียกให้แนทตอบคำถามเรื่องน้ำพริกพอดี แต่เห็นเธอหลับจึงหยุดสอน เพื่อนทุกคนมองมาที่แนทเป็นทางเดียวกัน เธอตอบไปแบบงง ๆ เพราะยังรู้สึกสับสนกับเรื่องที่ฝัน
ณ ห้องประชุม อธิการบดีกำลังประชุมเคร่งเครียดกับคณบดีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ ในมหาลัยเรื่องการพิจารณานำเงินจำนวนมหาศาลมาลงทุน พัฒนาปรับปรุงคณะใดในมหาวิทยาลัย มีคนเสนอความเห็นมากมายต่างแตกต่างกัน หลังจากผ่านการถกเถียงโต้แย้ถึงข้อดีข้อเสียในคณะต่าง ๆ มาเป็นเวลาครู่หนึ่ง ผลที่ออกมาได้แก่ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และ วิทยาลัยนานาชาติ ซึ่งอธิการบดียังไม่ตกปากรับคำแต่ขอกลับไปคิดดูก่อน
ช่วงพักเที่ยง ในโรงอาหาร ขณะปองกำลังนั่งทานข้าวและคุยกับเพื่อนในแก๊งค์ก็บังเอิญเห็นแนทนั่งทานข้าวคนเดียวมุมหนึ่ง เลยลุกออกไปนั่งกับเธอ และได้พูดคุยกัน แล้วทั้งสองก็เดินทางกลับบ้านด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่เริ่มรู้จักกันมากขึ้น โดยที่แนทไม่ได้เล่าเรื่องความฝันเธอให้ฟัง ปองเองรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้มีความลับอะไรบางอย่างปิดบังอยู่ซึ่งเขาต้องค้นหามันให้พบ ปองไปส่งแนทถึงหน้าบ้าน และกะจะเอ่ยขอเธอคบเป็นแฟน แต่เธอเดินเข้าบ้านไปเสียก่อน เขาจึงคอตกเดินกลับบ้านไปอย่างเสียดาย
เย็นวันรุ่งขึ้น ปองนัดเตะบอลกับเพื่อนคณะเดียวกันและเพื่อนของเพื่อนจากคณะอื่น หลังเตะเสร็จ ปองก็ได้รู้จักกับเอิง เพื่อนจากคณะคณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการภาพยนตร์ที่ม้านั่งริมสนาม เนื่องจากปองกับเพื่อนกำลังคุยกันว่าจะหาข้อมูลจากไหน เพื่อมาทำรายงานเรื่องประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาที่อาจารย์สั่งในวิชาเรียนดี เอิงได้ยินจึงแนะนำเว็บไซต์ชื่อ Sunandha Vintage ให้ เพราะในเว็บได้รวมข้อมูลทุกอย่าง ทั้งประวัติ ภาพเก่าหายากของสวนสุนันทาไว้ทั้งหมด
เมื่อปองกลับถึงบ้านจึงเปิดเว็บดู ขณะเข้าค้นคว้าหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ก็บังเอิญเปิดไปเจอรูปภาพโบราณภาพหนึ่งในหัวข้อ ‘วังสวนสุนันทา’ เป็นภาพห้องครัว มีหญิงสาวร่างท้วมเกล้าจุกขณะกำลังปรุงอาหารอยู่ ใต้ภาพระบุว่า.. ห้องต้นเครื่องสมัยพระวิมาดาเธอฯ (พระมเหสีองค์ที่ 8 ของรัชกาลที่ 5) และบุคคลในภาพคือ เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์ (พระนัดดาในพระวิมาดาเธอฯ) ขณะกำลังปรุงอาหารในห้องเครื่อง ปองถึงกับผงะและรู้สึกตกใจที่เธอช่างละม้ายคล้ายคลึงกับแนท และก็มั่นใจได้ว่าเงาหญิงสาวร่างท้วมเกล้าจุกในชุดไทยโบราณที่วิดีโอถ่ายติดมาเป็นเธอคนนี้ไม่ผิดแน่ ขณะที่ปองกำลังจะคลิกดูชื่อคนจัดทำเว็บไซต์ ไฟก็ดับขึ้นมาเสียดื้อๆ
ปองมุ่งหน้าตรงไปยังห้องสมุดเพื่อค้นข้อมูล เมื่อเขามาหยุดที่หน้าห้องสมุดซึ่งร้อยวันพันปีเข้าไม่เคยคิดจะเข้า ก็มีลมจากที่ไหนไม่รู้พัดมา เขารู้สึกได้ถึงบางอย่าง ปองตรงไปที่โซนหนังสือประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัย และค้นหาหนังสือทั้งหมดที่มีก็ไม่พบข้อมูลแต่อย่างใด จนเกือบจะหมดวัน ห้องสมุดกำลังจะปิดในไม่ช้า ปองบังเอิญไปเห็นหนังสือโบราณเล่มใหญ่ที่ชั้นบนสุดในตู้สุดท้ายฝุ่นจับหนาเตอะ เขารีบดึงออกมาดูโดยไม่ได้สังเกตว่าอีกฝั่งหนึ่งของตู้ แนทกำลังเดินหาหนังสืออยู่ ปองพบกับข้อมูลที่เขาต้องการคำตอบมาตลอดวัน และรีบกดมือถือโทรหาแนท เสียงเรียกเข้ามือถือเครื่องหนึ่งดังใกล้หูเขามาก เมื่อเงยหน้าชึ้นมาแนทก็ปรากฏตรงหน้าเขาพอดี และถามว่าโทรมาทำไม และทั้งสองจึงได้นั่งดูข้อมูลด้วยกัน ซึ่งแนทก็ตกใจไม่แพ้กัน
ปองกับแนทเดินกลับบ้านด้วยกันอีกครั้ง แนทยอมเล่าเรื่องที่ปิดบังกับปอง ว่าเธอเคยฝันว่าเป็นเจ้าจอมสดับในเหตุการณ์หนึ่งเมื่อครั้งอดีต ในคาบเรียนวันก่อน และเล่าว่าใต้ตึกคหกรรมน่าจะมีห้องลับที่เก็บตำราอาหารสูตรต้นตำหรับชาววังไว้ที่ใดที่หนึ่ง แต่เธอลองไปหาแล้วไม่พบ ปองบอกว่าเรื่องนี้ควรต้องถึงมหาลัย อธิการบดีควรจะทราบเพราะเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติแล้ว ปองไปส่งแนทถึงหน้าบ้าน และคราวนี้กะจะเอ่ยขอเธอคบเป็นแฟนให้ได้ แต่เธอเดินเข้าบ้านไปเสียก่อน เขาจึงคอตกเดินกลับบ้านไปอย่างเสียดายอีกครั้ง
ช่วงเช้าขณะปองเดินเข้ามาในมหาลัย เขาเห็นป้ายประกาศขนาดใหญ่หน้าสำนักอธิการบดีเรื่องเตรียมพัฒนา ปรับปรุงคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและวิทยาลัยนานาชาติด้วยงบหลายพันล้าน เพื่อผลในระยะยาว โดยอีก 3 วันจะมีการแถลงข่าวขึ้น ปองก็เฉย ๆ ไม่ได้สนใจมากนัก
เย็นวันรุ่งขึ้น มีกิจกรรมที่ทำให้ปองต้องทำงานที่คณะครุศาสตร์กับเพื่อนจนดึก ก่อนกลับบ้าน ปองต้องเดินเอาของไปเก็บที่ห้องชั้นบนตึก แต่ขณะที่เดินผ่านหน้าห้องนาฏศิลป์ เขาก็ได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นเอง เป็นเสียงระนาด เขาคิดว่าหูฝาด เสียงเพลงหยุดและดังขึ้นอีกครั้ง เขาเดินย้อนกลับไปดู ปรากฏเงาชายหนุ่มผิวคล้ำ มีหนวดรูปร่างสูงใหญ่กำลังนั่งเล่นระนาดอยู่ เขาตกใจสลบไป
ภาพในอดีต.. ชายหนุ่มผิวคล้ำ มีหนวดรูปร่างสูงใหญ่ผู้เป็นครูกำลังสอนหนังสือเจ้าจอมสดับฯและนางสนมในวังสวนสุนันทา หลังเลิกเรียนครูหนุ่มมักจะสอนดนตรีเป็นการส่วนตัวให้เจ้าจอมสดับเป็นการส่วนตัวเป็นประจำ บ่อยครั้งความรักของคนทั้งสองจึงเกิดขึ้น ทั้งคู่แต่งงานกัน มีลูก หลานมากมาย ต่อมาลูกของหลานก็เป็นผู้สถาปนาวังสวนสุนันทา เป็น "โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย" ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2480 (เปิดสอนเพียงประกาศนียบัตรประโยคครูประถม - ก่อนที่ต่อมาจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยครูสวนสุนันทา" ในปี พ.ศ. 2518 เปิดสอนถึงระดับปริญญาตรี หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตเป็นหลักสูตรแรกและหลักสูตรเดียวในขณะนั้น - จนในปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "สถาบันราชภัฏ" เป็นชื่อสถาบันการศึกษาในสังกัดกรมการฝึกหัดครูกระทรวงศึกษาธิการ - และต่อมา พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ยังผลให้สถาบันราชภัฏสวนสุนันทายกฐานะเป็น "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา" นับแต่นั้นเป็นต้นมา)
ปองสะดุ้งขึ้นเมื่อมีเพื่อนมาเรียกเขาที่นอนกับพื้นหน้าห้องนาฏศิลป์ หลังจากที่เห็นปองว่าจะเอาของไปเก็บแล้วหายไปนานเลยขึ้นมาตาม ปองตกใจกับภาพความฝันที่เห็นเป็นฉาก ๆ เป็นเหตุการณ์ที่เสมือนจริงราวกับว่าเขาเป็นครูหนุ่มคนนั้น
วันรุ่งขึ้น ปองกับแนทพากันตรงไปยังสำนักอธิการบดีเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทราบ ตอนแรกเลขาฯจะไม่ให้เข้าพบ แต่ทั้งสองบอกเป็นเรื่องสำคัญมาก เลขาฯจึงบอกให้นั่งรอที่หน้าห้องก่อน สักพักประตูห้องเปิดออก เป็นเอิง เพื่อนจากคณะวิทยาการจัดการ ภาควิชาภาพยนตร์ที่เดินออกมา ปองถามว่ามาทำอะไร เอิงบอกมาคุยงาน แล้วปองกับแนทก็เข้าไปพร้อมกับเรื่องเล่าที่คนทั้งสองเห็นในความฝัน ซึ่งต่างพรั่งพรูออกมาจนหมด ทั้งสองเล่าถึงความเป็นมาและเล่าถึงความสำคัญของคณะครุศาสตร์ และ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (คหกรรมเดิม) ซึ่งเป็นสองคณะที่อธิการบดีควรเลือกพัฒนา เพราะ “อาหาร” และ “ครู” คือสองสิ่งแรกที่คนมักจะนึกถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ทว่าอธิการบดีให้การปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว แต่ปองแย้งขึ้นว่ายังไม่ได้แถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ และแนทขอให้อธิการบดีพิสูจน์ว่าเรื่องของเธอเป็นจริง โดยขอให้อธิการฯได้ลองไปค้นหาห้องลับใต้ดินที่ว่าใต้ตึกคหกรรม ถ้าไม่เจอภายในสองวันซึ่งเป็นวันกำหนดแถลงข่าว เธอและปองจะยอมให้อธิการบดีพัฒนาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและวิทยาลัยนานาชาติ ซึ่งเป็นคณะใหม่และมีความสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน ตามที่ประกาศไว้ แต่ถ้าเจอห้องลับนั้นขึ้นมาจริง ๆ อธิการบดีจะต้องพัฒนาสองคณะที่ปองและแนทเรียกร้อง ซึ่งได้ชี้แจงอธิการฯให้เห็นถึงคุณค่าที่ควรอนุรักษ์ไปแล้วเมื่อสักครู่ และยังเป็นคณะดั้งเดิมของมหาวิทยาลัย ซึ่งนับวันคนเริ่มให้ความสำคัญน้อยลงและไม่โดดเด่นเหมือนเช่นเมื่อก่อนแล้ว
วันรุ่งขึ้น อธิการบดีก็สั่งให้คนงานไปขุดค้นหาห้องลับที่ว่าบริเวณใต้ตึกคหกรรมทันที ตั้งแต่เช้าจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า หมดไปแล้วหนึ่งวัน ก็ไม่มีวี่แววแต่อย่างใด คนงานต่างหยุดทำงานเพราะเป็นเวลาเลิกงาน และกำลังแยกย้ายกลับบ้าน ขณะที่เอิงซึ่งมาถ่ายภาพเพื่อเอาไปใช้งานบางอย่างกำลังเดินกลับ ก็เห็นปองกับแนทที่นั่งเฝ้าดูการค้นหาทั้งวัน จึงเดินเข้าไปหาคนทั้งสองหลังจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมด เอิงตบบ่าให้กำลังใจปอง โดยให้ความหวังว่ายังเหลือพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน
ขณะเดียวกันตลอดทั้งวัน หลังจากคนในชุมชนทราบข่าว ซึ่งไม่รู้ว่าเรื่องกระจายไปจากไหนเร็วมาก ก็ได้มีการประท้วงเกิดขึ้นด้านหน้ามหาลัย และโดยรอบบริเวณ โดยมีคนถือป้ายคัดค้านประกาศของอธิการบดี คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่มหาลัยเลือกจะพัฒนาคณะใหม่ที่เทียบคุณค่าแล้วไม่เท่ากับสองคณะที่ปองกับแนทเรียกร้องให้อนุรักษ์ไว้ เมื่อหมดวัน หลังจากคนงานหยุดการค้นหา พวกเขาจึงแยกย้ายกันกลับโดยที่นัดกันว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ ทั้งนี้ ปองและแนทกลับกลายเป็นคนดังโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งคนทั้งมหาลัยและคนในชุมชุนต่างก็รู้จักกันหมดเพียงชั่วข้ามคืน
รุ่งขึ้น วันที่สองและวันสุดท้ายของการค้นหาห้องเก็บตำราลับใต้ดินตึกคหกรรมก็เริ่มขึ้น และดำเนินไปด้วยความลุ้นระทึกของคนในชุมชน รวมถึงครูอาจารย์ นักศึกษาเกือบทั้งมหาลัยที่ส่วนใหญ่ต่างก็เห็นด้วยกับปองและแนทและเอาใจช่วยให้หาพบ จนเวลาล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็น คนงานก็ยังหาไม่พบ ทุกคนต่างผิดหวัง แต่ขณะที่กำลังจะแยกย้ายกลับ แนทนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงบอกว่าให้คนงานและทุกคนไปช่วยกันหาที่ “พิพิธภัณฑ์ตำหนักสายสุทธานภดล” (สำนักศิลปวัฒนธรรม) แทน เพราะเดิมบริเวณนั้นคือที่ตั้งของ “วังสวนสุนันทา”
แล้วคนงานและทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับแนท และรีบมุ่งหน้าไปยังอาคารพิพิธภัณฑ์ และต่างเร่งมือช่วยกันค้นหาในเวลาดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ขณะที่แนทกำลังค้นหาอยู่ เธอก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งแว่วมาตามสายลม นำพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งบริเวณนั้นไม่มีคนค้นหาอยู่เลย และเมื่อเดินมาถึง ภาพในอดีตก็ผ่านมาเข้ามาในสายตาเธอ.. มันเป็นเวลาเย็นวันหนึ่ง เจ้าจอมสดับเดินออกจากวัง และตรงไปยังข้างห้องครัว ซึ่งมีบันไดลงไป บริเวณนั้นร่มรื่นด้วยพรรณไม้หลากหลาย และน้ำในลำคลองไหลเอื่อย ๆ ลมเย็นพัดมาปะทะเข้าที่ใบหน้าแนท เมื่อรู้สึกตัวกลับมาอีกที เธอก็เดินมาหยุดที่สวนเล็ก ๆ ข้างพิพิธภัณฑ์ ป้ายเขียนว่า "สุนันทาอุทยาน" ด้านล่างเขียนอธิบายว่า.. ในสวนจำลองแห่งนี้ มีพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลที่ดีและหาได้ยากนานาชนิดมาปลูกไว้ คล้ายสวนป่า ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระมเหสีองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 5) แนทตะโกนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่และสั่งให้ขุดลงไปยังบริเวณใต้ต้นแก้วเจ้าจอม (ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย) ที่ปลูกอยู่ในสวนแห่งนี้ และแล้วคนงานก็ขุดพบอะไรดำ ๆ เป็นแผ่นยาว ซึ่งเมื่อขุดต่อไปสักพักก็พบว่า มันคือบานประตูลงไปสู่ห้องลับเก็บตำราอาหารโบราณอย่างที่แนทว่าไว้ถูกต้องทุกประการ
วันรุ่งขึ้นที่งานแถลงข่าว ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัย มีสื่อมวลชนให้ความสนใจมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก อธิการได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของมหาลัยและแถลงถึงแผนใหม่ที่ตัดสินใจจะพัฒนาคณะทั้งหมดในระยะยาว แต่จะขอเริ่มที่ 2 คณะแรกก่อน คือ “คณะครุศาสตร์” และ “คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” (คหกรรมเดิม) โดยกล่าวขอบใจปองและแนท นักศึกษาปีหนึ่งจาก 2 คณะดังกล่าว ที่ได้มีส่วนร่วมทำให้เขาเปลี่ยนความคิด ซึ่งในงานแถลงข่าวอธิการก็ได้ให้คนทั้งสองขึ้นไปเล่าสิ่งที่เห็นในความฝันให้กับสื่อมวลชนทราบ ปองขึ้นเวทีพูดถึงความเป็นมาของวิทยาลัยครูแห่งแรกของประเทศ แนทพูดในมุมความเป็นมาของอาหารชาววังดั้งเดิมต่าง ๆ ที่มีจุดกำเนิดจากห้องเครื่องในวังสวนสุนันทา เช่น “น้ำพริกลงเรือ” ซึ่งเป็นที่ฮือฮาของสื่อมวลชนจำนวนมาก ก่อนจะเข้าประเด็นเรื่องที่เธอรู้มาว่ามีห้องลับเก็บตำราสูตรอาหารในห้องลับอยู่ใต้ดินและเมื่อค้นหาก็พบมันเข้าจริง ๆ แล้วอธิการก็ขึ้นเวทีมาสรุปอีกที โดยเขากล่าวว่าหลังจากจบการแถลงข่าวนี้จะขอเชิญสื่อมวลชนไปยังห้องลับนั้น เพราะนี่ถือเป็นการค้นพบเรื่องอาหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบหลายปี
เอิงที่นั่งอยู่ด้านหลังห้อง เมื่อถ่ายรูปงานแถลงข่าวเสร็จแล้ว ก็นำการ์ดโหลดลงคอมและอัพรูปขึ้นเว็บ Sunandha Vintage ทันที ไม่แปลกใจเลยว่าสาเหตุที่เรื่องของปองกับแนทโด่งดังในโลกไซเบอร์ จนกลายเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้างเพราะบอกต่อ ๆ กัน รวมถึงสื่อมวลชนที่ต่างให้ความสนใจนั้น มีที่มาจากเอิง ผู้เป็นแอดมินเว็บไซต์ และเป็นหลานอธิการบดีนี่เอง
หลังเสร็จสิ้นการพาชมห้องลับ ก็หมดวันอันแสนยาวนาน ปองกับแนทขอตัวกลับบ้าน โดยก่อนกลับ อธิการบดีกล่าวขอบใจทั้งคู่อีกครั้งที่ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้กลับมามีชื่อเสียงโด่งดัง จนทำให้เด็กหลายคนหันมาสนใจเรื่อง ‘ครู’ และ ‘อาหาร’ รวมทั้งใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาเรียนต่อที่นี่ ซึ่งอาจทำให้มหาลัยเลื่อนลำดับขึ้นมาอยู่ใน Top 5 มหาวิทยาลัยยอดนิยมได้ในเวลาไม่นานต่อจากนี้ อธิการบดียังให้สิทธิ์ทั้งคู่เรียนที่นี่ฟรีจนจบปริญญาด้วย ปองและแนท ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผูกพันกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยตรง กล่าวขอบคุณด้วยความตื้นตัน
ทั้งสองกลับบ้านด้วยกันเหมือนเช่นเคย ปองไปส่งแนทถึงหน้าบ้าน และคราวนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นปองต้องเอ่ยขอเธอคบเป็นแฟนให้ได้ เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ปองบอกแนทอย่าเพิ่งไขประตูและรอฟังสิ่งที่เขาพูดก่อน ปองสารภาพรักแนทตั้งแต่แวบแรกที่เห็นโดยเธอไม่รู้ตัวเป็น ใบหน้าที่คุ้นเคย ราวกับว่าเขาเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนและคล้ายรู้จักเธอดี แล้วเขาก็เล่าถึงภาพเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครั้งสลบไปหน้าห้องนาฏศิลป์ว่า ในอดีตเราเคยแต่งงงานกัน ตัวเขาคือครูสอนแนทในวัง .. แนท ผู้ซึ่งในอดีตคือ เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์ อย่างแน่นอน เพราะจากหลักฐานที่เขาพบบวกกับเรื่องเล่าจากความฝันของเธอ ทำให้ปองมั่นใจเช่นนั้น ยิ่งเมื่อเอาเรื่องต่าง ๆ มารวมกันแล้วก็เชื่อมโยงลงตัวพอดี มาในภพนี้ ทั้งคู่ก็คือลูกหลานของพวกเขานั่นเอง
ปองตรงเข้ากอดแนทและรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เฝ้าตามหา แนทก็สัมผัสถึงไออุ่นที่คุ้นเคยและเฝ้ารอมานานเช่นกัน มีลมจากไหนไม่รู้พัดผ่านมา เป็นเวลาครู่หนึ่ง จนเมื่อลมพัดผ่านไป ทั้งคู่ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างอีกต่อไปแล้ว
บทประพันธ์ : ศุภกิติ์ เสกสุวรรณ (CA23)
*** หากนำไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงชื่อผู้ประพันธ์และแหล่งที่มา
ผลงานอื่นๆ ของ Supakit Seksuwan ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Supakit Seksuwan
ความคิดเห็น